แนะนำ! ซื้อ iPad รุ่นไหนดี ที่เหมาะกับคุณที่สุด (2023)

แนะนำ! ซื้อ iPad รุ่นไหนดี ที่เหมาะกับคุณที่สุด (2023)

แนะนำ! ซื้อ iPad รุ่นไหนดี ที่เหมาะกับคุณที่สุด (2023)

ในโลกยุคปัจจุบันนี้สำหรับการเรียนมหาวิทยาลัยหรือแม้แต่โรงเรียน สิ่งที่เพิ่มความสะดวกในชีวิตการทำงานการเรียนหรือการเตรียมตัวสอบ iPad สามารถช่วยแบ่งเบางานแทนที่จะพกคอมเครื่องหนัก ๆ ทำทุกอย่างได้ในเครื่องเครื่องเดียวทั้งการจดเล็กเช่ออ่านสไลด์จดสรุปตัดต่อวิดีโอถ่ายรูปวาดรูปหรือไม่ก็ทั้งพิมพ์งาน บทความนี้จะมาสรุป iPad ทุกรุ่นในปี 2023 ที่น่าสนใจ ทั้งสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่กำลังหา iPad ซักเครื่องหรือแม้กระทั่งคนทั่วไป ว่าควร ซื้อ iPad รุ่นไหนดี

iPad ทุกรุ่นในไลน์อัพของแอปเปิลปัจจุบันจะใช้ usb-c ซึ่งต่างกับ iPhone ที่ใช้หัว lightning 

iPad gen 10

Apple เปิดตัว iPad ที่ออกแบบใหม่หมดใน 4 สีสันสดใส - Apple (TH)

  • หน้าจอขนาด 10.9 นิ้ว ความละเอียด 2360 x 1640
  • ชิพเซ็ต A14 BioniC
  • RAM
  • ความจุ 64GB / 256GB
  • กล้องหลัง 12MP f/1.8
  • กล้องหน้า Ultrawide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 122 องศา ตรงกลางหน้าจอ
  • ลำโพงสเตอริโอ
  • รองรับ Apple Pencil 1
  • สี Starlight, Pink, Purple และ Blue
  • Touch ID สแกนลายนิ้วมือ

เริ่มต้นที่ ฿17,900

เป็นรุ่นเริ่มต้นที่สุดในปีปัจจุบัน (2023) การไม่มีปุ่มโฮมแล้วเปลี่ยนเป็นสแกนลายนิ้วมือบริเวณปุ่มล็อคเครื่อง มีลำโพงสี่จุด และมีสีสันให้เลือกเยอะมาก ซึ่งถือว่าเป็นขายของรุ่นนี้สำหรับใครที่ชอบ iPad สีสวยสวยเลย และยังเป็นรุ่นเดียวที่มีกล้องอยู่ตรงกลางของ iPad ทำให้เมื่อวางแนวนอนไม่ได้อยู่ด้านข้างเหมือนรุ่นอื่น ทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าเหมาะสมและเป็นที่น่าแนะนำมากสำหรับใครที่อยากได้ iPad ในราคาที่สมเหตุสมผลบวกกับประสิทธิภาพที่แรงพอที่จะทำงานหรือใช้เรียนในมหาวิทยาลัยและโรงเรียน

เพียงแต่ว่าข้อเสียอาจจะอยู่ที่การใช้ Apple Pencil รุ่นแรก ถึงจะเป็นลูกซื้อตัวแปลงชาร์จเพิ่ม ถือว่าเป็นดีไซน์ที่ค่อนข้างแปลก (และต้องเสียตัง) แต่ถ้าใครไม่ได้เน้นเรื่องการจดการเขียนหรือวาดรูปจากการใช้ปากกา iPad เจน 10 เป็นตัวเลือกที่ดีมาก

รีวิวส่วนตัว : จากการที่ได้ลองใช้รู้สึกว่าด้วยความที่ดีไซน์ค่อนข้างคล้ายกับรุ่นท็อป ๆ ในการใช้งานหรือแม้แต่การทำงานต่างๆดูไม่ได้ช้ากว่าเลย แต่จะไม่สะดวกตรงที่การชาร์ต Apple Pencil และ แต่ด้วยสเปคหน้าจอที่น้อยกว่า อาจจะค่อนข้างสังเกตได้ถ้าเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆ ถ้าใครได้ลองจากรุ่นแอร์หรือรุ่นโปร เมื่อเทียบกับราคาแล้ว ใครมีงบเพิ่มอีกหน่อย แอเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามาก

iPad mini 6

ซื้อ iPad mini - Apple (TH)

  • หน้าจอขนาด 8.3 นิ้ว ความละเอียด 2266 x 1488
  • ชิพเซ็ต A15 Bionic
  • RAM 4 GB
  • ความจุ 64GB / 256GB
  • กล้องหลัง 12MP f/1.8
  • กล้องหน้า Ultrawide 12MP f/2.4
  • ลำโพงสเตอริโอ
  • รองรับ Apple Pencil 2
  • สี Starlight, Pink, Purple และ Space Grey
  • Touch ID สแกนลายนิ้วมือ

เริ่มต้นที่ ฿19,900

ชื่อที่เป็นจุดขายของความมินิหรือความเล็กของตัวเครื่อง สำหรับนักเรียนหรือใครที่อยากได้แท็บเลทที่พกพาสะดวกขนาดเบาและสามารถทำงานอย่างที่ iPad ทำได้อย่างครบถ้วน iPad mini 6 น่าสนใจมาก ทั้งดีไซน์ที่ทันสมัย และใช้ Apple Pencil รุ่นที่สองซึ่งสามารถชาร์จได้กับข้างตัวเครื่อง ใครที่เน้นพกถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมาก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความที่หน้าจอเล็กซึ่งอาจจะเป็นข้อเสียสำหรับใครที่อยากใช้ดูหนังหรือทำงานที่เกี่ยวข้องกับหน้าจอเยอะเยอะเช่นวาดรูปที่ต้องใช้พื้นที่หรือแม้แต่การจดสรุปที่อาจจะมองลำบากกว่า iPad ที่หน้าจอใหญ่ แต่ทั้งหมดนี้ก็อยากให้ไปลองจับดูที่ร้านขายก่อนเผื่ออาจจะเหมาะกับตัวเอง

รีวิวส่วนตัว : เป็นรุ่นเดียวที่สำหรับใครที่ชอบหน้าจอเล็กก็ชอบไปเลยเพราะว่าเบา ใส่กระเป๋าได้ง่าย จดง่าย และทำได้ทุกอย่างเหมือน iPad Air 5 แต่สำหรับบางคนที่ชินหรือชอบการเขียนการดูการทำงานบนหน้าจอใหญ่ใหญ่ มินิอาจจะใช้งานค่อนข้างยากจริงๆ

iPad Air 5 

Apple เปิดตัว iPad Air ที่ทรงพลังและอเนกประสงค์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา - Apple (TH)

สเปค IPAD AIR 5

  • หน้าจอขนาด 10.9 นิ้ว ความละเอียด 2360 x 1640 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Apple M1
  • RAM 8 GB
  • ความจุ 64GB / 256GB
  • กล้องหลัง 12MP f/1.8 
  • กล้องหน้า 12MP แบบ Ultra-Wide มุมกว้าง 122 องศา f/2.4 รองรับฟีเจอร์ Center Stage
  • ลำโพงสเตอริโอ
  • รองรับ Apple Pencil 2
  • WiFi 6 | Bluetooth 5.0 | รองรับ 5G
  • สี Space Gray, Starlight, Pink, Purple และ Blue
  • Touch ID สแกนลายนิ้วมือ

เริ่มต้นที่ ฿23,900

เป็นรุ่นที่เรียกว่าเพอร์เฟคที่สุดในตลาด ทั้งประสิทธิภาพที่ดีมากๆและราคาที่เหมาะสมกับมัน เป็นรุ่นที่นักเรียนและเด็กมหาลัยหรือแม้แต่คนทำงานนิยมกันมาก ด้วยความที่เป็นรุ่นที่วางอยู่ระหว่างรุ่นโปรกับรุ่นปกติ ทั้งชิพ M1 ที่แรงมากพอที่จะทำงานหนักๆบนเครื่องได้ทุกงาน รวมกับกล้องที่สวย มีสแกนลายนิ้วมือ หน้าจอขนาดใหญ่ ลำโพงสเตอริโอ ใช้ Apple Pencil รุ่นที่สอง ถ้าใครไม่อยากใช้ iPad รุ่นเริ่มต้นแล้วยังมีงบเพียงพอ แต่ก็คิดว่าการใช้รุ่นโปรอาจจะใช้ได้ไม่คุ้ม แนะนำ iPad Air 5 เลย

รีวิวส่วนตัว : เป็นรุ่นที่ดึงทั้งคนที่จะซื้อเจน 10 แล้วอัพเงินอีกหน่อยก็ซื้อได้ และดีลดึงคนที่จะซื้อ iPad Pro แต่รู้สึกว่าใช้ไม่คุ้มก็ต่างมารวมที่ iPad Air 5 อยู่ดี ซึ่งแอปเปิ้ลฉลาดมากที่วางรุ่นที่เหมาะสมทั้งในแง่ราคาและประสิทธิภาพไว้ตรงกลาง และสามารถทำงานได้ดีแทบไม่รู้สึกว่าช้ากว่าโปรตรงไหนเลย

iPad Pro M2

iPad Pro - Apple (TH)

  • หน้าจอแสดงผล ProMotion 120Hz ขนาด กว้าง 11 นิ้ว ความละเอียด 2388×1668 พิกเซล และ 12.9 นิ้ว ความละเอียด 2732 x 2048 พอกเซล
  • ชิปเซ็ต Apple M2
  • ความจุ128GB / 256GB / 512GB / 1TB / 2TB
  • กล้องหลัง
    – Wide ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/1.8
    – Ultra-Wide ความละเอียด 10MP รูรับแสง f/2.4 มุมกว้าง 125 องศา
  • กล้องหน้า : Ultra-Wide ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/2.4 มุมกว้าง 122 องศา
  • ลำโพง 4 ตัวสเตอริโอ
  • รองรับ Apple Pencil 2
  • WiFi 6 | Bluetooth 5.0 | รองรับ 5G
  • สี Space Gray และ Sulver
  • Face ID สแกนหน้า

เริ่มต้นที่ ฿32,900

เรียกได้ว่า iPad Pro M2 คือคนที่อยากได้แท็บเลทซักเครื่องที่สุดในทุกทางที่จะเป็นไปได้ของ Apple มีกล้องสองกล้องรวมถึงเซ็นเซอร์ LiDAR ไว้จับระยะห่างของวัตถุ มีสองขนาดให้เลือกทั้ง 11 นิ้วและ 12.9 นิ้ว และสำหรับตัว 12.9 ก็เป็นจอ OLED ที่แสดงผลสีออกมาได้สดใสกว่าทุกรุ่น นอกจากนี้ iPad Pro เป็นรุ่นเดียวที่ใช้ระบบสแกนหน้าแทนการสแกนลายนิ้วมือ ใช้ Apple Pencil รุ่นที่สอง มีระบบโปรโมชั่นซึ่งแสดงผลหน้าจอได้สูงสุดถึง 120 เฮิร์ตซ์ ซึ่งลื่นตามาก

ในมุมมองของคนที่ใช้เรียนทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง จดสรุป ทำงาน เตรียมพรีเซนต์ คิดว่า iPad Air 5 ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่สำหรับใครที่ใช้ iPad ในการทำงานทั้งการตัดต่อวิดีโออย่างหนักหรือแม้แต่การทำเพลง โดยชื่ออย่าง iPad Pro เป็นรุ่นที่เหมาะสมที่สุด (แต่ราคาก็แพงเอาเรื่องเหมือนกัน)

รีวิวส่วนตัว : เชื่อว่าใครที่ชอบใช้ของที่เป็นรุ่นท็อปที่สุดถึงแม้ว่าจะคล้ายกับ iPad Air 5 แต่ด้วยความที่ใช้คำว่าโปร Apple ก็ค่อนข้างให้ความสำคัญของรุ่นนี้มากอยู่ โดยส่วนใหญ่จะเน้นไปทางรุ่นใหญ่ที่สุดอย่างหน้าจอ 12.9 นิ้ว เพราะว่าเป็น mini LED ที่แสดงสีได้สด และใครที่ได้มาลองเล่น iPad Pro จะรู้สึกได้เลยว่าหน้าจอ 120 Hz ค่อนข้างทำให้การทำงานทุกอย่างลื่นตาไปหมด และชิพ M2 ที่มีในเครื่องก็เร็วมากพอที่จะทำทุกงาน ได้หมดรับจบใน iPad Pro

iPad gen 10 มี Keyboard Folio สำหรับใครที่อยาก ได้แป้นพิมพ์จริงๆมาต่อซึ่งก็ราคาแพงอยู่เหมือนกัน 

ส่วนใน iPad Air 5 และ iPad Pro มี Magic Keyboard และ Smart Keyboard สำหรับใครที่สะดวกการพิมพ์บนแป้นจริงๆ 

แถม

iPad gen 9

iPad gen 9 ชื่อว่าเป็นรุ่นที่ราคาถูกที่สุด อาจจะไม่ได้มีใน Apple Store ไปร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอาเจียนหมี แถมทำงานได้ทุกรูปแบบเหมือนกับทุกรุ่น แต่ด้วยความที่เป็นรุ่นเริ่มต้นมากๆ ทั้งประสิทธิภาพ กล้องหรือการจดด้วย Apple Pencil รุ่นแรก สำหรับการเรียนที่มีใครกันจดสรุปเล่นโซเชียลมีเดียหรือการทำงานเอกสารเล็กๆน้อยๆก็สามารถทำได้ สำหรับการดูภาพยนตร์สื่อต่างๆด้วยความที่เป็นรุ่นเริ่มต้น ลำโพงที่มีด้านเดียวและหน้าจอที่สเปคค่อนข้างต่ำ อาจจะมีปัญหาได้สำหรับบางคน และถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่ไม่ได้เรียนด้วยทำงานที่ซับซ้อนและอยากได้ iPad เครื่องนึง 

เริ่มต้นที่ ฿12,900

สรุป

สรุป iPad : หน้าจอเต็ม สเปคปานกลาง ใช้งานทั่วไปได้หมด ไม่ซีเรียสสเปค ราคาย่อมเยา

สรุป iPad mini 6 : เน้นสะดวกพกพา ถือถนัด ไม่เน้นงานหนัก ใช้งานทั่วไป

สรุป iPad Air  5 : หน้าจอใหญ่ ใช้งานทั่วไปในประสิทธิภาพแรงขึ้น ราคาปานกลาง 

สรุป iPad Pro : 2 ขนาด หน้าจอล้วนๆ ประสิทธิภาพสุดระดับมืออาชีพ ออกแบบวาดรูป ตัดต่อวีดีโอ ราคาสูง

อย่างไรก็ตามทั้งหมดเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัว แนะนำสำหรับใครที่อยากได้ซักเครื่อง อยากให้ไปลองจับที่ศูนย์จำหน่ายดูก่อนว่าชอบแบบไหน สำหรับใครที่จะดูสเปคเปรียบเทียบก็สามารถดูได้ผ่านเว็บไซต์ Apple ได้เลย

แหล่งที่มา Apple

ใครที่มี iPad แล้วสามารถอ่าน แนะนำ! แอพที่ควรมีใน iPad 2020 สำหรับนักเรียนนักศึกษา 

Leave A Comment